อย่าเพิ่งซื้อ วิตามินรวม ถ้ายังไม่รู้ 5 สิ่งนี้
วันนี้จะเป็นเรื่องของ วิตามินรวม หรือ Multivitamin ซึ่งผมมองว่าเป็นเหมือน ฐานบัญชาการ ของการดูแลสุขภาพเลยครับ เพราะมันช่วยเติมเต็มสารอาหารพื้นฐานที่ร่างกายเราต้องการในแต่ละวัน สำหรับเรื่องราวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผมทานอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ ขมิ้นชัน, น้ำมันงาม้อน, CoQ10 ยูบิควินอล, จนถึง วิตามินซี ไลโปโซมอล แต่ละตัวก็มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงในการดูแลสุขภาพของเราแตกต่างกันไป
สารบัญ
- Supplements ที่ผมเลือกใช้ และ อยากแนะนำ
- 1. วัย 50+ ร่างกายเราไม่เหมือนเดิม ต้องเลือกสูตรที่ ใช่ จริงๆ
- 2. ไม่ใช่แค่ มี แต่ต้อง ดูดซึมได้ดี ด้วย รู้จักรูปแบบวิตามิน แร่ธาตุที่ร่างกายใช้ได้จริง
- 3. อย่าเชื่อแค่คำโฆษณา พลิกอ่านฉลากให้ละเอียด คือกุญแจสำคัญ
- 4. เปรียบเทียบ คุณค่า ไม่ใช่แค่ ราคา
- 5. สำคัญที่สุด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ
- แล้วผมทาน Garden of Life Vitamin Code 50 & Wiser Men อย่างไร?
- บทสรุป
มีคำถามหนึ่งที่ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยครับว่า ถ้าเราทานตัวเสริมอื่นๆ เหล่านี้แล้ว ยังจำเป็นต้องทาน วิตามินรวม อีกไหม สำหรับผม คำตอบชัดเจนเลยครับว่า จำเป็นอย่างยิ่ง ลองนึกภาพตามนะครับ ตัวเสริมอื่นๆ ที่เราทานก็เหมือนทหารหน่วยรบพิเศษที่เก่งเฉพาะด้าน แต่ วิตามินรวม คือ กองทัพหลัก หรือ เสบียงพื้นฐาน ที่ทำให้ทหารทุกหน่วยมีแรงทำงานได้อย่างเต็มที่ มันคือการปูพื้นฐานให้ร่างกายได้รับสารอาหารจำเป็นครบถ้วนในแต่ละวัน เพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และ ช่วยให้ตัวเสริมอื่นๆ ที่เราทานเข้าไปทำงานได้ดีขึ้นด้วยครับ
แต่เดี๋ยวก่อน! ตลาดวิตามินรวมมันใหญ่มาก มีให้เลือกเยอะจนตาลายไปหมด แถมบางทีก็ไม่รู้ว่าอันไหนดีจริง อันไหนแค่โฆษณาชวนเชื่อ วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์ 5 สิ่งที่เพื่อนๆ ควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อวิตามินรวม ครับ
1. วัย 50+ ร่างกายเราไม่เหมือนเดิม ต้องเลือกสูตรที่ ใช่ จริงๆ
เพื่อนๆ ครับ พอเราอายุเข้าเลข 5 ร่างกายมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ เช่น
- การดูดซึมสารอาหารบางอย่างลดลง: โดยเฉพาะวิตามินบี 12
- ความต้องการสารอาหารบางอย่างเพิ่มขึ้น: เช่น วิตามินดี
- ความต้องการธาตุเหล็กลดลง: ผู้ชายวัยเราส่วนใหญ่ไม่ต้องการธาตุเหล็กเสริมมากเท่าหนุ่มๆ หรือผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์แล้วครับ การได้รับมากไปอาจไม่เป็นผลดี
ดังนั้น การเลือกวิตามินรวมที่ออกแบบมา สำหรับผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะ จึงสำคัญมากครับ ไม่ใช่แค่หยิบยี่ห้อไหนก็ได้ เพราะสูตรเฉพาะวัยเหล่านี้ เขาจะปรับปริมาณสารอาหารให้เหมาะสมกับเรา เช่น เพิ่มวิตามินบี 12 วิตามินดี และ มักจะลดปริมาณธาตุเหล็กลง หรือไม่มีเลย

2. ไม่ใช่แค่ มี แต่ต้อง ดูดซึมได้ดี ด้วย รู้จักรูปแบบวิตามิน แร่ธาตุที่ร่างกายใช้ได้จริง
นี่คือจุดที่วิตามินรวมราคาถูกตามท้องตลาดทั่วไปมักจะแตกต่างจากวิตามินรวมคุณภาพสูงครับ วิตามิน และ แร่ธาตุหลายชนิดมีหลาย รูปแบบ ซึ่งบางรูปแบบร่างกายเราดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น
ผมเคยลองทานวิตามินรวมยี่ห้อดังๆ ที่หาซื้อง่ายๆ ครับ แต่พอมาศึกษาลึกลงไป ก็พบว่าเขาอาจจะใช้รูปแบบวิตามินหรือแร่ธาตุที่ราคาถูก แต่ร่างกายเราเอาไปใช้ได้ไม่เต็มที่ เช่น
- วิตามินบี 12: ใช้รูป ไซยาโนโคบาลามิน (Cyanocobalamin) ซึ่งร่างกายต้องไปแปลงอีกที สู้รูป เมทิลโคบาลามิน (Methylcobalamin) ไม่ได้ ซึ่งเป็นรูปแบบพร้อมใช้งาน
- โฟเลต (วิตามินบี 9): ใช้รูป กรดโฟลิก (Folic Acid) ซึ่งบางคนอาจมีปัญหาในการเปลี่ยนไปใช้งาน สู้รูป เมทิลโฟเลต (Methylfolate หรือ 5-MTHF) ไม่ได้
- แร่ธาตุ (เช่น สังกะสี, แมกนีเซียม): รูปแบบธรรมดาอาจดูดซึมยาก สู้รูปแบบที่จับกับกรดอะมิโน หรือ คีเลต (Chelated) เช่น ซิงค์ ไกลซิเนต (Zinc Glycinate) หรือ แมกนีเซียม ไกลซิเนต (Magnesium Glycinate) ไม่ได้
การเลือกวิตามินรวมที่ใช้สารอาหารในรูปแบบที่ พร้อมใช้งาน หรือ ดูดซึมง่าย แบบนี้ แม้ราคาอาจจะสูงกว่า แต่ก็มั่นใจได้ว่าร่างกายเราจะได้รับประโยชน์เต็มที่ครับ
3. อย่าเชื่อแค่คำโฆษณา พลิกอ่านฉลากให้ละเอียด คือกุญแจสำคัญ
พอเรารู้แล้วว่าต้องดูอะไรบ้าง การอ่านฉลากก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ
- ดูว่าเป็นสูตรสำหรับวัย 50+ หรือไม่
- ตรวจสอบรูปแบบของวิตามินและแร่ธาตุ: ใช่รูปแบบที่ดูดซึมง่าย (เมทิล-, คีเลต) หรือเปล่า
- ดูปริมาณธาตุเหล็ก: มีไหม ถ้ามี มากไปหรือเปล่า
- ส่วนผสมอื่นๆ: มีสารสกัดจากผักผลไม้ธรรมชาติ (Whole Food Based) หรือโปรไบโอติก/เอนไซม์ด้วยไหม
- สารเติมแต่ง: มีสีสังเคราะห์ หรือสารกันบูดที่ไม่จำเป็นเยอะไหม ยิ่งน้อยยิ่งดีครับ
4. เปรียบเทียบ คุณค่า ไม่ใช่แค่ ราคา
อย่างที่ผมย้ำเสมอครับ ของดีไม่จำเป็นต้องแพงเวอร์ แต่ของที่ถูกมากๆ ก็อาจต้องตั้งคำถามเรื่องคุณภาพ
- วิตามินรวมราคาถูก: มักใช้วัตถุดิบสังเคราะห์ราคาถูก รูปแบบสารอาหารดูดซึมยาก อาจมีสารเติมแต่งเยอะ
- วิตามินรวมราคาสมเหตุผล (อย่าง Garden of Life): แม้จะดูแพงกว่า แต่ถ้าพิจารณาถึงคุณภาพวัตถุดิบ (สกัดจากอาหารจริง) รูปแบบสารอาหารที่ดูดซึมง่าย สูตรเฉพาะวัย และ ไม่มีสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น คุณค่า ที่เราได้รับต่อเม็ดนั้นสูงกว่ามากครับ เท่ากับว่าเงินที่เราจ่ายไป มันให้ประโยชน์กับร่างกายเราเต็มที่กว่า ไม่เสียเปล่า
- วิตามินรวมราคาแพงลิ่ว: บางครั้งอาจจะบวกค่าแบรนด์ ค่าการตลาด หรือมีส่วนผสมพิเศษอื่นๆ ที่อาจจะยังไม่มีงานวิจัยรองรับชัดเจนมากนัก เราต้องพิจารณาดูว่าส่วนที่แพงขึ้นนั้น มันให้ประโยชน์กับเราจริงๆ หรือเปล่า
วิธีคำนวณความคุ้มค่า: ลองเอา ราคาขาย หารด้วย จำนวนเม็ดทั้งหมด จะได้ราคาต่อเม็ด จากนั้นก็ดูว่าในราคาต่อเม็ดนั้น เราได้ คุณภาพ และ รูปแบบของสารอาหาร ที่ดีแค่ไหน คุ้มกับที่จ่ายไปหรือไม่ครับ
5. สำคัญที่สุด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ
ไม่ว่าเพื่อนๆ จะสนใจวิตามินรวมยี่ห้อไหน หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวใดก็ตาม สิ่งสุดท้าย และ สำคัญที่สุดคือ ต้องปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรที่ดูแลเราอยู่ก่อนเสมอครับ โดยเฉพาะถ้าเรา
- มีโรคประจำตัว (ความดัน เบาหวาน หัวใจ ไต ฯลฯ)
- ทานยาอื่นๆ เป็นประจำ (อาจมีปฏิกิริยากับวิตามิน/แร่ธาตุบางตัว)
- ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิด (อาจได้รับบางอย่างมากเกินไป)
คุณหมอหรือเภสัชกรจะช่วยดูให้ครับว่าวิตามินรวมที่เราสนใจนั้นเหมาะสม และ ปลอดภัยกับเราจริงๆ หรือเปล่า
แล้วผมทาน Garden of Life Vitamin Code 50 & Wiser Men อย่างไร?
- จำนวนที่ทาน: ตามที่แนะนำบนฉลากคือ วันละ 4 แคปซูลครับ ผมอาจจะแบ่งทานเป็น 2 แคปซูลหลังอาหารเช้า และ 2 แคปซูลหลังอาหารเย็น
- เวลาทาน: ทานพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารทันที เพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด
- ระยะเวลาที่ทาน: ทานเป็นประจำทุกวันครับ เพื่อเป็นการเสริมสารอาหารพื้นฐานให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป
วิตามินรวมที่ดีเปรียบเสมือนการวางรากฐานที่แข็งแรงให้กับสุขภาพของเราในวัย 50+ ครับ การเลือกอย่างชาญฉลาดโดยพิจารณาจาก 5 สิ่งที่ผมเล่ามา คือ รู้ความต้องการเฉพาะวัย รู้จักรูปแบบสารอาหาร อ่านฉลากให้เป็น เปรียบเทียบคุณค่า และ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้เราได้ผลิตภัณฑ์ที่ ใช่ และ คุ้มค่า กับสุขภาพของเราจริงๆ ครับ
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดี มีพลัง ใช้ชีวิตในวัยเก๋าได้อย่างมีความสุขเต็มที่ครับ